โปรแกรมทดสอบได้แก่ (link ไปอ่านบทความ)
กลุ่ม freeware ได้แก่
Microsoft’s Security Essentials
และ Avira’s AntiVir Personal (version 9)
กลุ่มเสียเงินซื้อ ได้แก่
Kaspersky Anti-Virus 2010
และ ESET’s NOD 32
แถมด้วย avast! Pro Antivirus 5.0 รุ่นเสียเงิน
ใช้ malware ที่รวบรวมไว้ในช่วงปี 2008 and 2009 จำนวน 16,704 ตัว (trojans, backdoors, exploits, spyware, worms, etc.).
ผลการทดสอบ
Microsoft Security Essentials ใช้เวลาในการตรวจนานที่สุด (ไม่บอกว่าเท่าไหร่) จับได้ 14,000 กว่าตัว, เหลือไว้ 2,662 ตัว
Avira AntiVir Personal 9 ใช้เวลาตรวจ 1h23 จัดการไปได้ 15,707 samples ในการตรวจรอบแรก และจัดกลุ่มผู้ต้องสงสัยอีก 61รายและ lock เข้าห้องคุมขัง automatically locked to quarantine
ข้อเสีย
Microsoft Security Essentials ต้องเข้าร่วม spynet ของ microsoft และส่งผลการตรวจไปยัง server
ส่วน Avira จะมี pop-up โฆษณาขึ้นมา
Kaspersky Anti-Virus 2010 เก่งด้านตรวจ incoming and outgoing mail messages for the presence of malicious code, check HTTP traffic, and verify data sent/received through IM programs.
มี Anti-phishing ที่โปรแกรมฟรีไม่มี
ใช้เวลา 3h49'23'' จับได้ 16,704 หลุดรอดไป 1,523 threats.
ESET's NOD 32 สามารถตรวจ mail ได้ /HTTPS และ rootkit detection ผลการตรวจ จับได้เพียง 7631
ก็ไม่ใช่ไม่เก่ง แต่ NOD ออกแบบมาให้ตรวจจับเก่งขณะที่ virus เริ่มทำงาน ต่างหาก
avast! 5 Pro edition ใช้เวลาน่าอัศจรรย์เพียง 8 minutes and 13 seconds จับได้ 15,305 เหลือไว้ 1,399
Softpedia พยายามจะสาธิตให้เห็นว่า โปรแกรมตรวจจับไวรัสทั้งแบบ free และเสียเงิน มีความแตกต่างในการตรวจจับน้อย ฝีมือใกล้เีคียงกัน
ไม่มีใครเก่งสุดยอด 100 เปอร์เซนต์ครับ
(โปรแกรมที่นำมาทดสอบน้อยไปนิดนะครับ)
5 ความคิดเห็น:
ร่มแดงที่ใช้อยู่ก็ยังไม่ขี้เหล่นะคะ แม้จะใช้เวลานานไปหน่อย อิอิ
ใช้ร่มแดงอยู่เหมือนกันครับ
ใช้ร่มแดงเหมือนกันค่ะ ก้อ ยังใช้ได้อยู่ค่ะ
เดี๋ยวลองซะหน่อยค่ะ...เพราะว่าเครื่องที่บ้านก็ไวรัสตรึมเลย...ไม่ค่อยได้ดูแลเลย ใช้อย่างเดียว...นิสัยเสีย...
ใช้ร่มของพี่แดงกันหมดเลยแล้วเราจะเหลือใช้ไหม่เนี้ย
แสดงความคิดเห็น